15 สิงหาคม 2565
เริ่มต้นอย่างไรให้ไม่เจ็บหนัก


  • User research ศึกษาความต้องการที่แท้จริงของตลาด

  • Competive analysis ศึกษาและวิเคราะห์การแข่งขันในตลาด

  • Receive user feedback การรับข้อเสนอแนะจากลูกค้าที่แท้จริงมาต่อยอด

  • Costs การลดต้นทุนผลิตภัณฑ์/บริการตั้งต้น

  • Risk ลดความเสี่ยงจากการทำธุรกิจ


Step to build a Minimum Viable Product (MVP)


ถ้าใครเคยเข้าแข่งขันในกิจกรรมที่เกี่ยวกับสตาร์ทอัพหรือคอร์สเรียนด้านสตาร์ทอัพ น่าจะเคยได้ยินคำว่า MVP มาบ้างแล้ว MVP ย่อมาจาก Minimum Viable Product เป็นเครื่องมือกลยุทธ์ทางธุรกิจที่มีเพื่อ ‘ลดความเสี่ยง’ ที่อาจเกิดขึ้นจากการผลิตสินค้าหรือบริการแล้วอาจจะไม่เป็นที่ต้องการของตลาดได้ โดยสร้าง “ผลิตภัณฑ์ตั้งต้น” หรือ “บริการตัวอย่าง” ที่เรียกกันในวงการสตาร์ทอัพว่า MVP ออกไปทดลองตลาดก่อน แล้วนำผลที่ได้รับมาวิเคราะห์ต่อว่าควรเพิ่ม/ลดอะไร หรือควรปรับหน้าตาผลิตภัณฑ์/บริการตั้งต้นใหม่หรือไม่ อย่างไร


การทำ MVP จะดึงเพียงแค่ “แก่น (core)” ของผลิตภัณฑ์ออกมานำเสนอ และตัดฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่ยังไม่จำเป็นออกไป เหลือไว้เพียงแค่คุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการจะได้รับ เพื่อทดลองว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เป็นที่ต้องการจริงหรือไม่กับกลุ่มลูกค้า (Target Grooup) นั้นๆ


MVP Benefits

การทำ MVP ก่อนปล่อยผลิตภัณฑ์จริง เป็นวิธีที่ช่วยลดโอกาศบาดเจ็บทางการเงินของนักธุรกิจในช่วงเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากนักธุรกิจอาจจะมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างจำกัด หากลงทุนไปแล้วไม่เป็นอย่างที่หวังก็ยิ่งทำให้เกิดการท้อ เสียเวลา เสียแรง และเสียเงินลงทุนไปเฉยๆ แต่ถ้าเริ่มจากเล็ก ๆ แล้วทดลองความต้องการของตลาด เพื่อปรับปรุง และพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ถึงจะล้มก็ล้มบนฟูก ไม่เจ็บตัวมาก แต่แลกมาด้วยข้อมูลที่สามารถนำไปต่อยอดได้ค่ะ

ในทางกลับกันหากบริษัทมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวเต็มที่มีฟีเจอร์ให้ใช้งานเยอะไปหมด โดยที่อาจจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าผู้ใช้ในวงกว้างมีความต้องการอะไรบ้างและผลิตไปแล้วจะมีคนใช้หรือไม่นั้น อาจทำให้เสียเวลาในการผลิต ใช้ต้นทุนเยอะ มีความเสี่ยงสูง และอาจจะล่าช้าจนโดนคู่แข่งตัดหน้าไปก่อนก็ได้ เพราะก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันความเร็วในการต่อยอดของธุรกิจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ใครเร็วใครได้

กรณีศึกษาธุรกิจ Seekster

Seekster คือบริการแม่บ้าน ที่เชื่อมแม่บ้านกับลูกค้าที่อยากได้แม่บ้านไปทำความสะอาดที่บ้านหรือบริษัทเข้าด้วยกัน


MVP ของ Seekster ในช่วงแรกเป็นเพียงการโพสต์ข้อความและเนื้องานให้แก่แม่บ้านในกลุ่มบนfacebook เพื่อหาแม่บ้านไปแมทช์กับลูกค้าที่สอบถามเข้ามาผ่านทางเพจ Seekster ซึ่งจากการทดลองใช้งานและทำธุรกิจผ่าน facebook page ปรากฏว่ามีผู้ติดต่อเข้ามาขอใช้บริการเป็นจำนวนมาก จึงนำไปสู่การเปิดตัว Seekster รูปแบบเว็ปไซต์และ application ในเวลาต่อมา ซึ่งการทำ MVP นี้ถือเป็นการได้ทดสอบผลิตภัณฑ์และโปรโมตไปด้วยในตัว จากนั้น Seekster ก็เติบโตมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน


ดังนั้น MVP จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่หลายบริษัท/ธุรกิจในปัจจุบันนำมาใช้ เพื่อทดสอบสมมุติฐาน หรือประเมินความต้องการตลาด (Market validation) ว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ จะรอดหรือไม่ ซึ่งสามารถบ่งบอกความอยู่รอดของธุรกิจสตาร์ทอัพในระยะยาวจากการทำ MVP ได้ แถมยังช่วยให้ธุรกิจค้นหาแก่นหลัก ที่สำคัญของผลิตภัณฑ์/บริการ ”ของตัวเองได้ ว่าจุดแข็งหรือจุดขายของบริษัทคืออะไร และนำไปพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้น เพื่อตอบโจทย์ตลาดยิ่งขึ้น‍ไปอีก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.netsolutions.com/insights/how-to-build-an-mvp-minimum-viable-product-a-step-by-step-guide/

http://digitalagemag.com/“mvp”-แนวคิดดีๆ-ลดความเสี่/

https://startitup.in.th/mvp-the-startup-needs-to-know/

https://www.productplan.com/glossary/minimum-viable-product/



Blog
view more
เว็บไซต์นี้ มีการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ (Cookies) เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์
ถือเป็นการยอมรับในนโยบายความเป็นส่วนบุคคล อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่